เดิมบริเวณที่สร้างวัดสุรพิมพาราม เป็นไร่นาของราษฎรบ้านโพธิ์สง่า ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกของหมู่บ้าน
สภาพทั่วไปเป็นที่ราบมีป่าไผ่และไม้ยางขึ้นอยู่เป็นส่วนมาก มีประชาชนเข้ามาอยู่อาศัยไม่มากนัก ต่อมาเมื่อมีประชาชนเข้ามาอยู่อาศัยเพิ่มมากขึ้น จึงได้รวมกลุ่มกันเพื่อจะหาที่สร้างวัด เพื่อเป็นสถานที่ศึกษาเล่าเรียนของบุตรหลานและเป็นสถานที่บำเพ็ญกุศลของประชาชนภายในหมู่บ้าน จึงได้เดินทางไปพบและขอคำปรึกษาแนะนำจากท่าน พระมหาพิมพ์
ปญญาทีโป (พิมพ์ รัตนกาฬ) ซึ่งขณะนั้นท่านประจำอยู่ที่
วัดเทพสุรินทร์ บ้านตูมใต้
อำเภอกุมภวาปี
จังหวัดอุดรธานี เมื่อพระมหาพิมพ์ทราบความต้องการของชาวบ้านแล้วจึงได้รับที่จะดำเนินการให้
โดยท่านได้เดินทางมาประชุมและขอรับบริจาคที่ดินเพื่อที่จะดำเนินการก่อสร้างวัด ซึ่งชาวบ้านได้รวมกันบริจาคที่ดินเป็นเนื้อที่ 40 ไร่
ต่อมาเมื่อปี
พ.ศ.2478
ท่านจึงได้เริ่มลงมือทำการก่อสร้างโดยได้ทำการก่อสร้างกุฏิขึ้นเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยภิกษุสามเณร และได้สร้างศาลาชั่วคราวขึ้นมาอีก 1 หลัง เพื่อเป็นสถานที่บำเพ็ญการกุศลของประชาชน
จากนั้นมาท่านก็ได้พยายามสร้างกุฏิเพิ่มขึ้นมาอีกจำนวนหลายหลังเพื่อให้เพียงพอสำหรับเป็นที่อยู่อาศัยของพระภิกษุสามเณรที่มากขึ้นทุกปี และก่อสร้างศาลาหลังใหม่ขึ้นเพื่อให้เป็นที่เล่าเรียนของบุตรหลาน ซี่งในสมัยนั้นยังไม่มีโรงเรียนประชาบาลประจำหมู่บ้าน
ต้องอาศัยศาลาวัดเป็นที่ทำการสอนโรงเรียนไปก่อน
ต่อมาปี
พ.ศ.2493 ขณะนั้นท่านมหาพิมพ์ ปญญาทีโป ได้เลื่อนสมศักดิ์เป็น พระประสาธน์สารคุณได้เริ่มทำการก่อสร้างพระอุโบสถ เพื่อให้เป็นที่ทำสังฆกรรม ท่านเป็นผู้จัดหาทุนมาทำการก่อสร้าง โดยได้รับความร่วมมือจากท่านพระครูสารเมธากร เจ้าอาวาสและพระราชวรานุวัตร เจ้าอาวาสและพระราชวรานุวัตร เจ้าอาวาสวัดนิเวศธรรมประวัติ องค์ปัจจุบันนี้ ได้ทำการก่อสร้างพระอุโบสถแล้วเสร็จ เมื่อปี พ.ศ.2504 ใช้เวลาในการก่อสร้างอยู่ 16 ปี
ปี
พ.ศ.2557 วัดโพธิ์สง่าได้สร้างพระพุทธรูปปางมารวิชัยขึ้นและแล้วเสร็จเมื่อปี
พ.ศ.2558 โดยพระพุทธรูปองค์นี้มีชื่อว่า พระพุทธวาปีมีสุข
เพื่อที่จะได้คุ้มครองและดลบันดาลให้ชาวอำเภอกุมภวาปี
มีความสุขสมดังชื่อพระพุทธรูป
ปัจจุบันเจ้าอาวาสวัดสุรพิมพาราม
คือ พระครูสารเมธากร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น